เมื่อเริ่มต้นมีความมั่งคั่งและมีการปกป้องความมั่งคั่งแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้อง มีการเพิ่มพูนความมั่งคั่ง ให้เงินออมมีการงอกเงยเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม
เงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อำนาจการซื้อของผู้บริโภคลดลงในแต่ละวัน/เดือน/ปี ข้อสังเกตที่เห็นเด่นชัดก็คือ จำนวนเงินที่เท่ากันในปัจจุบัน จะสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้น้อยลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆมา
อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันสามารถคำนวณได้จากดัชนีผู้บริโภค ซึ่งสำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้าเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลอยู่ (ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ เดือนพฤษภาคม 2556 เท่ากับ 105.15)
อัตราเงินเฟ้อของประเทศเดือนพฤษภาคม 2556 สูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง เฉลี่ยเดือนมกราคม - พฤษภาคม 2556 สูงขึ้นร้อยละ 2.80
ถ้าเป้นอย่างนี้แล้วเงินออมที่เก็บไว้กับตัวเองจะเกิดการลดค่าลงอย่างต่อเนื่อง และถึงแม้ว่าเงินออมส่วนใหญ่จะฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์ก็ตาม ก็คงไม่ได้ทำให้ค่าของเงินออมเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด โดยเฉพาะการออมแบบออมทรัพย์ทั่วไป ที่อัตราดอกเบี้ยไม่ถึง 1% ซึ่งจะทำให้ค่าของเงินลดลงไปในระดับของ ส่วนต่างระหว่างอัตราเงินเฟ้อกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากนั่นเอง
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องวางแผนการเพิ่มพูนความมั่งคั่งด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนที่มากกว่าอัตราเงินเฟ้อ ยิ่งมากกว่าเท่าไหร่ยิ่งเกิดผลดีเท่านั้น (ในระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละคน) และควรมีการศึกษาการใช้ประโยชน์ในด้านการประหยัดภาษีควบคู่ไปกับการนำเงินออมไปลงทุนด้วย
ตัวอย่างอัตราผลตอบแทนในสินทรัพย์ทางการเงิน
1. อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์/เงินฝากประจำ/เงินกู้ คลิกที่นี่
2. อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล คลิกที่นี่
3. อัตราผลตอบแทนในตลาดทุน คลิกที่นี่
ฯลฯ
การลงทุนในสินทรัพย์นั้น นอกจากการลงทุนใน สินทรัพย์ทางการเงินข้างต้นแล้ว นักลงทุนทั่วไปยังมีการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆอีก เช่น สังหาริมทรัพย์ (เช่น ทองคำ ภาพเขียน การสะสมวัตถุโบราณต่างๆ เป็นต้น) หรือ อสังหาริมทรัพย์ (เช่น ที่อยู่ อาคารพาณิชย์ ที่ดิน เป็นต้น) รวมทั้งการลงทุนในโครงการ หรือธุรกิจต่างๆ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีตัวตนอีกด้วย
เพิ่มพูนความมั่งคั่งสร้างโอกาสการลงทุนด้วย ความรู้การลงทุน คลิกที่นี่
ต่อไปก็ไปถึงขั้นตอนสุดท้ายคือส่งมอบความมั่งคั่ง คลิกที่นี่